Geopolitics:Rimland Theory
ภูมิรัฐศาสตร์: ทฤษฎีขอบนอก
ทฤษฎีที่เน้นย้ำว่าดินแดนขอบนอกต่างๆ ของยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ และตะวันออกไกลเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีขอบนอกนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยนักภูมิศาสตร์และนักภูมิรัฐศาสตร์ ชาวอเมริกันชื่อ นิโคลาส เจ. สปิ๊กแมน Nicholas J. Spykman(1893-1943) ในหนังสือของเขาที่ชื่อ ภูมิศาสตร์แห่งสันติภาพ The Geography of Peace (ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ.1944) สปิ๊กแมนได้พัฒนาทฤษฎีโดยอิงแนวความคิดในเรื่องขอบนอก(rimlands) ทั้งนี้โดยสอดประสานไปกับแนวความคิดเรื่องวงเดือนรอบใน(inner crescent)ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่ ชื่อ เซอร์ฮัลฟอร์ด แมคคินเดอร์ Sir Halford J. Mackinder เพียงแต่ได้ดัดแปลงและเรียกชื่อเสียใหม่เท่านั้นเอง สปิ๊กแมนมีข้อสมมติฐานว่า การครอบงำดินแดนขอบนอกเหล่านี้ ณ ที่ใดที่หนึ่งโดยมหาอำนาจที่เป็นศัตรูจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา เพราะว่าจากจุดนั้นไปจะทำให้มหาอำนาจนั้นมีสถานะที่สามารถโอบล้อมโลกใหม่ไว้ได้ สปิ๊กแมนได้ดัดแปลงแก้ไขถ้อยคำอันโด่งดังของแมคคินเดอร์เสียใหม่เป็นว่า “ใครครอบครองดินแดนขอบนอกก็จะครอบครองยูเรเซียได้; ใครครอบครองยูเรเซียได้ก็จะครอบครองชะตากรรมของโลกได้” (who controls the Rimland rules Eurasia; who rules Eurasia controls the destinies of the world."
ความสำคัญ ในการพัฒนาทฤษฎีขอบนอกนี้ สปิ๊กแมนได้ให้ความสนใจที่จะให้สหรัฐอเมริกายอบรับในสิ่งต่อไปนี้ คือ (1) ให้แต่ละรัฐรับผิดชอบต่อความมั่นคงของตนเองในขั้นสุดท้าย (2) ให้ความสำคัญต่อดุลอำนาจโลก และ(3) ความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพูนอำนาจของสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างเสถียรภาพดุลอำนาจโลกดังกล่าว ในการวิเคราะห์ปัจจัยของความมั่นคงของสหรัฐอเมริกานี้ได้นำปัจจัยต่างๆมา พิจารณาอย่างกว้างขวางดังนี้ คือ (1) ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ กล่าวคือ ที่ตั้ง, ขนาด, ภูมิประเทศ (2) ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวคือ ทรัพยากรทางการเกษตรและทรัพยากรทางด้านอุตสาหกรรม, ประชากร, การผลิตทางอุตสาหกรรม และ (3) ปัจจัยทางการเมือง กล่าวคือ ขวัญของชาติ, เสถียรภาพทางการเมือง และบูรณาการทางสังคม เมื่อเป็นเช่นนี้สปิ๊กแมนจึงมิได้ใช้ปัจจัยทางภูมิศาสตร์อย่างเดียวมาวิเคราะห์ เพียงแต่เขาได้เน้นย้ำว่าภูมิศาสตร์เป็น "ปัจจัยสร้างเงื่อนไขสำคัญมากที่สุดของนโยบายต่างประเทศ"(most fundamentally conditioning factor of foreign policy)
ทฤษฎีที่เน้นย้ำว่าดินแดนขอบนอกต่างๆ ของยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ และตะวันออกไกลเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีขอบนอกนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยนักภูมิศาสตร์และนักภูมิรัฐศาสตร์ ชาวอเมริกันชื่อ นิโคลาส เจ. สปิ๊กแมน Nicholas J. Spykman(1893-1943) ในหนังสือของเขาที่ชื่อ ภูมิศาสตร์แห่งสันติภาพ The Geography of Peace (ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ.1944) สปิ๊กแมนได้พัฒนาทฤษฎีโดยอิงแนวความคิดในเรื่องขอบนอก(rimlands) ทั้งนี้โดยสอดประสานไปกับแนวความคิดเรื่องวงเดือนรอบใน(inner crescent)ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่ ชื่อ เซอร์ฮัลฟอร์ด แมคคินเดอร์ Sir Halford J. Mackinder เพียงแต่ได้ดัดแปลงและเรียกชื่อเสียใหม่เท่านั้นเอง สปิ๊กแมนมีข้อสมมติฐานว่า การครอบงำดินแดนขอบนอกเหล่านี้ ณ ที่ใดที่หนึ่งโดยมหาอำนาจที่เป็นศัตรูจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา เพราะว่าจากจุดนั้นไปจะทำให้มหาอำนาจนั้นมีสถานะที่สามารถโอบล้อมโลกใหม่ไว้ได้ สปิ๊กแมนได้ดัดแปลงแก้ไขถ้อยคำอันโด่งดังของแมคคินเดอร์เสียใหม่เป็นว่า “ใครครอบครองดินแดนขอบนอกก็จะครอบครองยูเรเซียได้; ใครครอบครองยูเรเซียได้ก็จะครอบครองชะตากรรมของโลกได้” (who controls the Rimland rules Eurasia; who rules Eurasia controls the destinies of the world."
ความสำคัญ ในการพัฒนาทฤษฎีขอบนอกนี้ สปิ๊กแมนได้ให้ความสนใจที่จะให้สหรัฐอเมริกายอบรับในสิ่งต่อไปนี้ คือ (1) ให้แต่ละรัฐรับผิดชอบต่อความมั่นคงของตนเองในขั้นสุดท้าย (2) ให้ความสำคัญต่อดุลอำนาจโลก และ(3) ความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพูนอำนาจของสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างเสถียรภาพดุลอำนาจโลกดังกล่าว ในการวิเคราะห์ปัจจัยของความมั่นคงของสหรัฐอเมริกานี้ได้นำปัจจัยต่างๆมา พิจารณาอย่างกว้างขวางดังนี้ คือ (1) ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ กล่าวคือ ที่ตั้ง, ขนาด, ภูมิประเทศ (2) ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวคือ ทรัพยากรทางการเกษตรและทรัพยากรทางด้านอุตสาหกรรม, ประชากร, การผลิตทางอุตสาหกรรม และ (3) ปัจจัยทางการเมือง กล่าวคือ ขวัญของชาติ, เสถียรภาพทางการเมือง และบูรณาการทางสังคม เมื่อเป็นเช่นนี้สปิ๊กแมนจึงมิได้ใช้ปัจจัยทางภูมิศาสตร์อย่างเดียวมาวิเคราะห์ เพียงแต่เขาได้เน้นย้ำว่าภูมิศาสตร์เป็น "ปัจจัยสร้างเงื่อนไขสำคัญมากที่สุดของนโยบายต่างประเทศ"(most fundamentally conditioning factor of foreign policy)